สัมภาษณ์พิเศษกับคิชิ โยชิยูกิ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง (ab) normal desire

 

ผู้กำกับคิชิ โยชิยูกิ หลังให้สัมภาษณ์/ ภาพ: inStyle Asia 

เรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนในสังคมชายขอบหรือคนที่ถูมองข้ามจากผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นอีกประเด็นที่ถูกหยิบยกมานำเสนอผ่านภาพยนตร์หลายเรื่องในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียวปีนี้ 

(AB) Normal Desire (性欲, Seiyoku ในชื่อภาษาญี่ปุ่น) หนึ่งในภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ส่งชื่อเข้าชิงรางวัลสาขา Competition ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ครั้งที่ 36 จัดขึ้นช่วงระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน 2566 ทางเราได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว หรือ TIFF เข้าสัมภาษณ์พิเศษกับคุณคิชิ โยชิยูกิ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ และถ่ายทอดมุมมองใหม่ๆ จากผลงานเรื่องล่าสุดของเขา รวมทั้งเผยสไตล์การทำงานกับเหล่านักแสดงและทีมงาน

Q: อะไรคือเหตุผลหลักที่คุณตัดสินใจทำหนังเรื่องนี้ครับ?

ตอนที่ผมได้รับคำขอให้ทำเรื่องนี้ในรูปแบบภาพยนตร์ ผมอ่านนิยายต้นฉบับแล้วรู้สึกว่ามีหลายอย่างเลยที่ผมไม่รู้ ไม่เข้าใจ แต่ผมก็อ่านนิยายจนจบแล้วเก็บความไม่รู้เอาไว้ในใจอย่างนั้น ผมอยากเจาะประเด็นนำเสนอเรื่องราวของคนกลุ่มน้อย อยากให้ผู้คนส่วนใหญ่ได้เข้าใจพวกเขาจากการชมภาพยนตร์ของผม และขบคิดถึงความหลากหลายทางสังคม

ผู้กำกับคิชิ โยชิยูกิ หลังให้สัมภาษณ์/ ภาพ: inStyle Asia  

Qทำไมคุณถึงเลือกนำเสนอ "น้ำ" เป็นประเด็นหลักในหนัง

จริงๆ แล้ว "น้ำ" เป็นประเด็นหลักที่เขียนอยู่ในนิยายเรื่องนี้อยู่แล้ว ในนิยายกล่าวถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ีรู้สึก "ตื่นเต้นทางเพศ" จากน้ำ น้ำเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งต่างๆ มากมาย แต่การสร้างจินตภาพของน้ำให้ออกมาเป็นรูปธรรมในภาพยนตร์นั้นเป็นเรื่องยากสำหรับผม ผมอยากจะลองทำดูครับ

©2021 Asai Ryo/Shinchosha @2023 (Ab)normal Desire Committee

Q: อินเทอร์เน็ตและสื่อโซเชียลมีเดียเป็นอีกช่องทางในการนำผู้คนจากที่ต่างๆ มารวมตัวกัน ราวกับเป็นชุมชนของพวกเขาเอง คุณคิดอย่างไร?

อินเทอร์เน็ตและสื่อโซเชียลมีเดียมีทั้งด้านดีและด้านร้าย ผมยังนึกภาพสังคมปัจจุบันที่ปราศจากสิ่งเหล่านี้ไม่ออกครับ กล่าวโดยรวมแล้ว ผมยอมรับอินเทอร์เน็ตและสื่อโซเชียลมีเดียว่าเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนในแต่ละชุมชนครับ

Q: คุณคิดว่าญี่ปุ่นเปิดพื้นที่ให้กับผู้ที่มีวิถีชีวิตหรือความคิดเห็นแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ได้ใช้ชีวิตในแบบของเขาร่วมกับผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมไหม?

ผมเชื่อว่าญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่มีความหลากหลาย แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ครับ

ผู้กำกับคิชิ โยชิยูกิ หลังให้สัมภาษณ์/ ภาพ: inStyle Asia 

Q: คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องยากใช่ไหม?

ทำไมผมคิดว่ามันยากน่ะหรือ เพราะยังคงมีคนที่ถูกบูลลี่ มีคนอันตรายอยู่ในสังคม มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์นะ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่เป็น แต่มันเกิดขึ้นกับคนบางคนที่มีสัญชาตญาณอยากทำร้ายคนอื่น มันไม่ใช่แค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ทุกประเทศก็มีคนเหล่านั้นด้วย หากคนที่คิดทำร้ายผู้อื่นไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ สิ่งเหล่านั้นก็จะยังคงดำเนินอยู่ต่อไป

©2021 Asai Ryo/Shinchosha @2023 (Ab)normal Desire Committee

Q: คุณพูดถึงกลุ่ม LGBT ในหนังด้วย คุณคิดว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในชุมชนที่ถูกลืมและถูกแยกออกจากผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมญี่ปุ่นไหม?

ผมอยากจะบอกว่าสังคมรับรู้ความดำรงอยู่ของชุมชน LGBT อยู่แล้ว จริงๆ แล้วมันมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาอาจไม่ได้ถูกโดดเดี่ยว แต่พวกเขาใช้ชีวิตปะปนร่วมกับคนส่วนใหญ่ ผมไม่คิดว่าพวกเขาแยกตัวออกจากสังคมคนส่วนใหญ่ครับ

Q: เกี่ยวกับสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ คุณถ่ายทำหนังเรื่องนี้ที่ไหนครับ? อย่างฉากน้ำตกก็ดูสวยงามมากจริงๆ คุณค้นพบสถานที่เหล่านี้ได้อย่างไร?

พวกเราถ่ายทำกันที่จังหวัดโทชิกิ แต่เรื่องราวในหนังอยู่ที่จังหวัดฮิโรชิม่าครับ เป็นความลับนะ (หัวเราะ) ตอนแรกผมนึกถึงเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่เพราะอยากถ่ายฉากที่มีน้ำมากๆ ไหลทะลักอย่างรุนแรง และในนิยายก็พรรณนาถึงน้ำให้ดูราวกับมีชีวิต แต่ผมหาเขื่อนกั้นน้ำแบบที่ผมต้องการไม่ได้ เลยเปลี่ยนมาถ่ายทำที่สันกั้นน้ำในจังหวัดโทชิกิแทน

©2021 Asai Ryo/Shinchosha @2023 (Ab)normal Desire Committee

Q: คุณเริ่มถ่ายทำหนังเรื่องนี้เมื่อไหร่ และใ้ช้เวลาถ่ายทำนานไหม?

เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ใช้เวลา 1 เดือนครึ่งครับ

Q: ดูจากฉากต่างๆ ในหนัง เราเห็นใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี คิดแล้วว่าน่าจะเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง

ใช่แล้ว ตามที่คิดเลยครับ

Qแล้วเหตุผลในการคัดเลือกตัวนักแสดงนำล่ะครับ?

สำหรับคุณโกโร่ อินางากิ และยูอิ อารางากิ พวกเขาแสดงละครญี่ปุ่นหลายเรื่อง แต่ตัวละครที่พวกเขาแสดงในหนังเรื่องนี้แตกต่างจากคาแรคเตอร์ของพวกเขามากเลย ผมคิดว่าตัวหนังเองมันก็ท้าทายมากพออยู่แล้ว ผมอยากให้เหล่านักแสดงได้ท้าทายคาแรคเตอร์ของตัวเองเช่นกัน เป็นความตั้งใจของผม คือ การสร้างเซอร์ไพรส์ให้นักแสดงครับ

Qคุณคิดว่าสื่อโซเชียลมีเดียสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมญี่ปุ่นวันนี้ ทำให้ผู้คนเข้าใจคนอื่นที่แตกต่างจากพวกเขา สร้างความหลากหลายให้มากขึ้น หรือแม้แต่เปลี่ยนวิธีการคิดให้เป็นสากล ไม่ใช่แบบญี่ปุ่น เปิดกว้างมากขึ้น มันจะเป็นไปได้ไหม?

มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของคนทำสื่อโซเชียลมีเดีย เพราะบางครั้ง ใบหน้าของคุณไม่ได้ปรากฏบนสื่อโซเชียลมีเดีย แต่เบื้องหลังบางคนอาจทำร้ายคนอื่นผ่านสื่อออนไลน์ ผมจึงอยากจะบอกว่าถ้าคนมีคนใช้สื่อโซเชียลมีเดียด้วยเจตนาที่ดีจำนวนมาก มันอาจดำเนินไปในทิศทางบวกอย่างที่คุณบอก ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจกันและกัน

Qอะไรคืองานที่ยากที่สุดที่คุณประสบระหว่างทำหนังเรื่องนี้ และคุณมีวิธีจัดการกับปัญหาอย่างไร?

สำหรับผม ช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำงานที่สุด คือ การที่เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้คนที่รู้สึกตื่นเต้นทางเพศด้วยน้ำ ผมต้องค้นคว้าหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต และพบสิ่งเหล่านี้โดยบังเอิญบนบล็อกของชาวเยอรมันคนหนึ่งที่เขียนถึงความตื่นเต้นทางเพศด้วยน้ำ ต่อมา ผมได้คุยกับนักแสดง คุณยูอิ อารางากิเยอะมาก ว่าตอนนี้เราพบข้อเท็จจริงแล้วนะ แต่ถ้าเราอิงข้อเท็จจริงพวกนี้มากเกินไป มันอาจมาจำกัดวิธีการนำเสนอของเราได้

ในหนังมีการนำเสนอประเด็นความตื่นเต้นทางเพศด้วยน้ำหลายหลายรูปแบบ อาทิ ชายคนหนึ่งมีความสุขทางเพศเมื่อเห็นคนสวมเสื้อเปียกชุ่มด้วยน้ำ ส่วนคนอื่นๆ สนุกกับน้ำที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณ บริบทความชอบมีความแตกต่างกัน เราพยายามไม่ยึดติดกับข้อเท็จจริงที่พบมากจนเกินไป แต่เลือกใช้จินตนาการในการถ่ายทอดเรื่องราวแทนครับ

Qแล้วฉากที่คุณชอบที่สุดล่ะ?

มีฉากที่ชอบมากมายเลย ฉากแรกที่แว่บเข้ามาในความคิดของผม คือ ฉากเซ็กซ์ในแบบที่ไม่ต้องมีเซ็กส์กันจริงๆ 

นอกจากนี้ ธีมเด่นอีกตอนที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้ คือ ฉากที่ผู้ชายอุ้มหญิงสาวขณะที่เธอหกล้ม ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมจากนักแสดงทั้งสอง ทำให้ฉากนี้เป็นหนึ่งในฉากที่ผมชอบมากครับ

Q: ความแตกต่างระหว่างหนังเรื่องนี้กับผลงานก่อนหน้านี้ของคุณ?

เมื่อดวงอาทิตย์ฉายแสง เงาอาจลามไปถึงบริเวณที่คุณมองเห็น และมองไม่เห็น ไม่ได้แตกต่างไปจากเรื่องราวที่ผมอยากนำเสนอผ่านภาพยนตร์เลยครับ แต่การทำหนังยังเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับผม เป็นเรื่องที่น่าท้าทายมากครับ

Q: โปรเจ็กต์ถัดไปของคุณล่ะครับ หนังแนวไหนที่คุณอยากทำ?

หนังตลก โดยอิงจากหนังในธีมเดียวกันกับที่ผมเคยทำมา แต่ต้องการเน้นไปที่เรื่องราวของผู้คนที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ในที่สว่าง สำหรับโปรเจ็คถัดไปเป็นเรื่องราวความรักที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แน่นอนว่าการถ่ายทอดเรื่องราวนั้นออกมาให้สมจริงก็เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการทำหนังครับ

Q: คุณเลือก Vaundy มาร้องเพลงประกอบหนังเรื่องนี้?

โปรดิวเซอร์เสนอ Vaundy ให้มาทำเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ครับ จริงๆ แล้วมีช่างภาพหญิงคนหนึ่งเดินทางมาที่สถานที่ถ่ายทำของเรา มาถ่ายรูปมากมาย และทำมินิอัลบั้มรวมภาพถ่าย  Vaundy ได้ดูภาพของเธอแล้วแต่งเพลงนี้ มันไม่ใช่การร่วมกันนำเสนองานเท่านั้น แต่ Vaundy ได้แต่งเพลงจากเรื่องราวและบรรยากาศในตัวหนังครับ  เพลงของเขาเข้าเขากับภาพยนตร์ได้ดีเลยครับ

©2021 Asai Ryo/Shinchosha @2023 (Ab)normal Desire Committee

เรื่องราว

ฮิโรกิ เทไร (โกโระ อินางากิ) อัยการชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ที่โยโกฮาม่า เขามีลูกชายที่ไม่อยากไปโรงเรียน แต่ฝันอยากเป็นอินฟูโอนเซอร์ทางอินเตอร์เน็ต เขามักทะเลาะกับภรรยาบ่อยๆ เรื่องเส้นทางการเรียนของลูกชาย นัตสึกิ คิริว (รับบทโดย ยูอิ อารางากิ) ทำงานเป็นพนักงานขายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในฮิโรชิม่า เธออาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเธอ และยังไม่แต่งงาน วันหนึ่งเธอทราบข่าวว่า "โยชิมิจิ ซาซากิ" (ฮายาโตะ อิโซมูระ) เพื่อนเก่าของเธอในโรงเรียนเดียวกันเดินทางกลับมาที่บ้านเกิด

ไดยะ โมโรฮาชิ (คันจะ ซาโตะ) ชายหนุ่มหน้าตาดี เข้าชมรมนักเต้นที่โรงเรียน ภาพเบลอระหว่างอัตลักษณ์ทางเพศระหว่าง "ความเป็นชายและหญิง" ผ่านการเต้นอันเป็นสิ่งที่เขาชอบ และการถูกจับตามอง ทำให้เขาต้องถอยห่างจากผู้คน ปลีกตัวออกจากสังคม ในขณะที่ "ยาเอโกะ คัมเบะ" (อายากะ ฮิงาชิโนะ) เข้าร่วมชมรมนักเต้นเช่นเดียวกัน เธอสนใจเพียงแค่ไดยะเท่านั้น ล้ำเส้นเข้ามาในชีวิตของเขา ยิ่งทำให้เขาต้องถอยห่างออกไปอีก ทั้ง 5 คนล้วนมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน ทั้งสภาพแวดล้อมในครอบครัว รสนิยมทางเพศ และรูปลักษณ์ภายนอก แต่ทว่าพวกเขาไม่สามารถเชื่อมตัวเองให้เข้ากับคนอื่นได้ นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำใฟ้พวกเขาต้องการใครสักคนมาเติมเต็มในสิ่งที่เขาเป็น เรื่องราวของผู้คนที่มีความสุขที่ได้พบกับใครสักคนที่ชอบและเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น

©2021 Asai Ryo/Shinchosha @2023 (Ab)normal Desire Committee

ผู้กำกับคิชิ โยชิยูกิ

คิชิ โยชิยูกิ (เกิดในปี 1964 ที่เมืองโมกามิ จังหวัดยามางาตะ) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์

หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมชินโจ-คิตะที่จังหวัดยามากาตะ เขาเข้าศึกษาต่อคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ เข้ากลุ่มวิจัยฉากภาพยนตร์ และคร่ำหวอดกับการสร้างหนัง หลังเรียนจบในปี 1987 ได้ทำงานในแวดวงโทรทัศน์ ร่วมทำรายการวาไรตี้โชว์และรายการสารคดีมากมาย เช่น  America Crossing Ultra Quiz (ช่อง NTV), World Ururun Sojourn (ช่อง MBS) และ Jonetsu Tairiku (ช่อง MBS) รวมทั้งทำละครสารคดีทางช่อง NHK เป็นหลัก คิชิเปิดตัวภาพยนตร์เชิงสารคดีเรื่องแรก คือ Double Life ในปี 2016  การันตีความสำเร็จด้วยรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติวลาดิวอสต็อกครั้งที่ 14 และรางวัล Special Jury Award ในงานเทศกาลภาพยนตร์เอเชียนิวยอร์กครั้งที่ 16

ภาพยนตร์เรื่องที่สองของเขา Wilderness (ปี 2017/ บทภาพยนตร์โดย "ทาเคฮิโกะ มินาโตะ") คว้ารางวัล Japan Academy Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมครั้งที่ 41 (มาซากิ สุดะ) และรางวัลภาพยนตร์เอเชียครั้งที่ 12 สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ยัง อิก-จุน) และยังได้รับรางวัลมากมายจากงานเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่ๆ ในประเทศญี่ปุ่น

Prior Convictions เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ของเขา เปิดตัวในปี 2022 ก็ได้รางวัล Hochi Film Award ครั้งที่ 47 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (คาซูมิ อาริมุระ)

เว็บไซต์หลักhttps://www.bitters.co.jp/seiyoku

©2024 inStyle Asia All Rights Reserved.
Designed by Creatopia Space