ก่อนถึงวันคริสต์มาสเพียงไมกี่วัน เรามีโอกาสได้พูดคุยกับฟลุ้ค - ณธัช ศิริพงษ์ธร และยูโด - ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์ นักแสดงนำจากซีรีส์วายสุุดฮิต เรื่อง Make A Wish The Series สำหรับบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่งาน Happy Winter Thai Festival ย่าน "ไดคังยาม่า" ใจกลางกรุงโตเกียว นอกเหนือไปจากการเดินตามความฝันที่จะเป็นนักแสดงขวัญใจแฟนๆ ละครซีรีย์วายทั่วโลกแล้ว ครั้งนี้พวกเขายังได้กระซิบบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จขณะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง พร้อมกับนิยามความรักที่ไร้ข้อจำกัดทางเพศ ผ่านบทบาทการแสดงของพวกเขา
inStyle Asia: อะไรคือแรงบันดาลใจผลักดันให้คุณก้าวสู่วงการบันเทิง? แล้วคุณสามารถแบ่งเวลาจากการถ่ายหนัง เพื่อพัฒนาฝีมือการแสดงได้อย่างไร?
ยูโด: จริงๆ น่าจะเรียกว่าเป็นความบังเอิญที่ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง ได้รู้จักกับผู้จัดการที่ดูแลเราอยู่ตอนนี้ ถือว่าเป็นความโชคดีที่ได้เข้ามาในวงการบันเทิงครับ ส่วนคำถามที่ว่าสามารถแบ่งเวลาจากการถ่ายหนังเพื่อพัฒนาฝีมือการแสดงได้อย่างไรนั้น ผมขอใช้คำว่า "ประสบการณ์" ดีกว่าครับ คือ พอเราทำงานผ่านไปสักพัก ได้เรียนรู้ ได้ทำเวิร์คช็อปมากมาย ทำให้ทักษะด้านการแสดงแข็งแรงมากขึ้น สามารถบริหารเวลาเพื่อสร้างเสน่ห์บางอย่างได้ รู้สึกดีใจ หวังว่าทุกคนก็คงชอบครับ
ฟลุ้ค: ของพี่ยูโดเป็นความบังเอิญ ส่วนของผมขอเรียกว่าเป็นความตั้งใจล่ะกันครับ ผมเข้าวงการด้วยการเล่นหนัง เริ่มจากไปแคสติ้งก่อน ส่วนการพัฒนาฝีมือการแสดงนั้น ก็เรียนรู้เพิ่มเติมมาตลอดรวมทั้งจากประสบการณ์การทำงานในสายอาชีพนี้ด้วยครับ
inStyle Asia: เตรียมตัวอย่างไรสำหรับบทบาทที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกมากๆ และตัวละครใดที่รู้สึกว่าท้าทายที่สุดเท่าที่เคยแสดงมา
ยูโด: เวลาที่มีบทท้าทายมากๆ อย่างเรื่องล่าสุดที่ผมรู้สึกว่ามันท้าทายจริงๆ คือ Make A Wish นี่แหละครับ ผมต้องเล่นเป็นคุณหมอ ซึ่งเป็นคุณหมอที่ค่อนข้างจริงจัง ต้องบอกก่อนว่าในอาชีพการทำงานของผม ผมรับบทเป็นคุณหมอหลายเรื่องมากๆ แต่ว่าเรื่อง Make A Wish นี่เป็นคุณหมอแบบที่ผมรู้สึกว่าค่อนข้างจริงจังที่สุดในอาชีพการแสดงของผมเลย ต้องทำหัตถการ ต้องใช้คำพูดให้เป็นศัพท์คุณหมอด้วย อันนี้เราต้องเตรียมตัว และโชคดีที่เราได้เรียนรู้จากคุณหมอจริงๆ ถือว่าเป็นงานที่ท้าทายครับสุดท้ายพอเราได้แสดงออกมาแล้วคนดูชอบ ได้เห็นความตั้งใจของเรา ก็รู้สึกดีใจมากครับ
ฟลุ้ค: วิธีการเตรียมตัวของฟลุ้ค คือ ทำการบ้านกับตัวบทครับ ตีความตัวละคร ตีความตัวบท แล้วก็ศึกษาหาข้อมูลของตัวละครนั้นๆ เพิ่มเติมว่าคนสายอาชีพนี้เขาทำงานกันอย่างไร หรือคนที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้เขาเป็นอย่างไร เราต้องศึกษาเพิ่มเติม ตัวละครแต่ละตัวที่ฟลุ้คเคยได้รับบทนั้น มีความยากง่ายแตกต่างกัน รู้สึกว่าไม่มีตัวละครตัวไหนที่ง่ายเลย ทุกตัวละครมีความยากหมด ถือว่าตัวละครทุกตัวคือความท้าทายของผมครับ
inStyle Asia: ในวงการบันเทิง ใครคือผู้มีอิทธิพลต่อคุณมากที่สุด และพวกเขาได้หล่อหลอมทักษะการแสดงของคุณอย่างไร
![]() |
บรรยากาศในงานแฟนมีตติ้งกับแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น |
ฟลุ้ค: ฟลุ้คชอบ "แอนดรูว์ การ์ฟิว" นักแสดงชาวอังกฤษ-อเมริกันครับ เป็นหนึ่งในนักแสดงที่เรารู้สึกว่าเขาเก่งในเรื่องการแสดง เคารพในตัวบทที่เขาแสดง ผมชอบนักแสดงที่ไม่ได้แค่ทำหน้าที่แสดงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจกระบวนการการทำงานของนักแสดงจริงๆ ด้วย และเขาก็เป็นคนที่ทำการบ้านได้ดีมาก สามารถตีบทตัวละครที่เขาได้รับ ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยมทุกเรื่องที่ผมดู รู้สึกชื่นชอบ และยกให้เป็นไอดอลในเรื่องการแสดงของผมเลยครับ
ยูโด: ผมชอบ "คริสเตียน เบล" ที่เล่นเป็น Batman ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน เขาทุ่มเทให้กับงาน เขาสามารถเปลี่ยนตัวเองไม่ว่าจะเป็นบทบาทแบบไหน สามารถปรับคาแรคเตอร์และร่างกายตามบทนั้นๆ สื่อออกมาได้ดี เป็นไอดอลคนหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าอยากทำแบบนั้นให้ได้ครับ
inStyle Asia: บทเรียนชีวิตที่คุณได้เรียนรู้จากบทบาทการแสดงที่คุณเคยเล่น และยังคงจดจำมาจนถึงทุกวันนี้
ฟลุ้ค: เรื่อง "เสียดาย" ครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด ผมรู้สึกว่ามันเป็นประเด็นที่สอนสังคมได้เยอะ รวมทั้งสอนตัวเราเองด้วย อย่างการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สุดท้ายแล้วไม่มีใครลงเอยด้วยดีเลยครับ
ยูโด: ไม่มีเลย ไม่มีเรื่องไหนที่ผมรู้สึกว่ามีอิทธิพลต่อตัวผมได้มากขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นบทเรียนที่ทำให้รู้สึกจดจำได้ ก็มีครับ เป็นเรื่องที่ยังไม่ออนแอร์ เกี่ยวกับยาเสพติดครับ แบบว่าหากทำอะไรไม่ดี ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีตามมา อะไรประมาณนั้น ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ผมรู้สึกว่ามีอิทธิพลต่อตัวผมจนถึงปัจจุบันครับ
![]() |
ทำนองในธารา (ภาพ: Waga Creative) |
inStyle Asia: เวลารับงาน คุณตัดสินใจว่าจะรับบทอย่างไร และบทไหนที่สะท้อนเรื่องราวตัวคุณได้มากที่สุด
ฟลุ้ค: ปกติเวลาตัดสินใจเลือกรับบท ต้องเป็นบทที่ฟลุ้คอ่านแล้วรู้สึกว่ามันน่าสนใจ ตัวเราก็ชอบด้วย ผมคิดว่าตัวละครที่เขาส่งมาให้เราเล่นนั้นมันตรงกับคาแรคเตอร์ของเรา และเราก็สามารถถ่ายทอดความเป็นตัวละครนั้นๆ ออกมาได้ เป็นอีกแนวทางในการตัดสินใจเลือกรับบทของผมครับ
![]() |
บรรยากาศในงานแฟนมีตติ้งกับแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น |
ยูโด: ของผม หลังๆ มา ผมเลือกรับบทที่ค่อนข้างท้าทายตัวเอง เพราะที่ผ่านมาตอนแรกๆ เราไม่ได้มีสิทธิ์เลือกบทเองได้ขนาดนั้น แต่หลังๆ มา พอเราสามารถเลือกบทได้ หรือว่าอยากเล่นบทไหน เราก็จะอ่านตัวบทก่อนเหมือนอย่างที่ฟลุ้คบอก และมองว่าอันไหนที่มันส่งอิทธิพลให้ตัวเรา สนใจอยากเล่น อยากท้าทายตัวเอง เราก็เลือกรับบทนั้นครับ
instyle Asia: การแสดงมักเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันกับผู้คนหลายคน คุณสร้างสมดุลย์ระหว่างการนำมุมมองของตัวเองมาปรับใช้ในบทบาทการแสดงหนึ่ง ในขณะที่ต้องเคารพวิสัยทัศน์และการตัดสินใจของผู้กำกับด้วยได้อย่างไร
![]() |
ภาพโปสเตอร์ "ภารกิจนายเทวดา Make A Wish The Series 2" (Waga Creative) |
ยูโด: สำหรับผมแล้ว เราต้องตีความ ทำการบ้านในแต่ละซีน แต่ละบท ก่อนถ่ายทำ จะมีตอนซ้อมก่อนถ่ายจริง เราต้องเล่นให้ผู้กำกับดู และคุยกันว่าเราจะเล่นแบบนี้ดีหรือแบบนั้นดี ผู้กำกับมีความคิดเห็นหรืออยากให้เป็นแบบไหน ก็คุยกันแล้วหาจุดกึ่งกลาง หาโมเมนต์กันตรงนั้นว่าเราจะสื่อออกมาแบบไหนให้ออกมาดีที่สุดสำหรับซีนนั้นๆ
ฟลุ้ค : สำหรับตัวฟลุ้ค ผู้กำกับ คือ คนไกด์ไลน์เรา ดังนั้น นักแสดงกับผู้กำกับต้องคุยกันก่อน ต้องซิงค์กัน ต้องสื่อสารกัน ผู้กำกับมีหน้าที่กำกับการแสดงของเรา ดังนั้นเราต้องคุยกันในแต่ละซีน แต่ละบทที่เราได้รับว่าเขาต้องการคาแรคเตอร์แบบไหน ในซีนนั้นเขาต้องการอะไร เพื่อที่เราจะได้ถ่ายทอดออกมาได้ตรงกัน
inStyle Asia: เล่าถึงโปรเจคส์ที่กำลังจะทำ รู้สึกตื่นเต้นกับโปรเจ็คส์นี้มากน้อยแค่ไหน และอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกสนใจโปรเจ็คส์นี้
ฟลุ้ค: สำหรับโปรเจ็คส์ที่กำลังทำ มี 2 เรื่อง คือ Make A Wish The Series ซีซั่น 2 และ "ทำนองในธารา" ครับ
ยูโด: Make A Wish The Series ซีซั่น 2 เป็นตอนต่อจากซีซั่น 1 ครับ เราดีใจที่ได้กลับมาถ่ายทำละครเรื่องนี้อีก เป็นภาคต่อที่ผู้ชมหลายคนตั้งตารอ เราก็ตั้งตารอที่จะได้ถ่ายทำเหมือนกันครับ เรื่องราวมีความซับซ้อนมากขึ้นด้วย
ฟลุ้ค: ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง คือ "ทำนองในธารา" ครับ เป็นคนละแนวกับ Make A Wish เลย ขอเรียกว่าเป็นความท้าทายล่ะกันครับ เพราะเรื่องนี้มีความเป็นดราม่าค่อนข้างสูง และมีอะไรหลายๆ อย่างที่เรายังไม่เคยทำ ฟลุ้ครับบทเป็นศัลยแพทย์ เราต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ต้องร้องเพลงแนวที่เราไม่เคยร้องมาก่อน อย่างเพลงลูกกรุงด้วยครับ ถือว่ายากและมีความท้าทายครับ
ยูโด: ผมเล่นเป็นโปรดิวเซอร์ค่ายเพลง เป็นอะไรที่ค่อนข้างไกลตัวผม รู้สึกท้าทาย และดีใจที่มีโปรเจ็คส์นี้ครับ
instyle Asia: คุณคิดว่าอะไรคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นักแสดงชายต้องเผชิญในอุตสาหกรรมบันเทิงยุคปัจจุบัน และตัวคุณรับมือกับความท้าทายนั้นๆ อย่างไร
ฟลุ้ค: ความยากในวงการบันเทิงตอนนี้ คือ มีนักแสดงเยอะมาก การแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอยู่ในวงการได้ คือ ความสามารถด้านการแสดง ความมุ่งมั่น การที่นักแสดงคนไหนอยู่ได้ คนนั้นต้องมีความสามารถจริงๆ หากผู้ใหญ่เห็นความสามารถของเราแล้ว จะป้อนงานเข้ามาเรื่อยๆ ครับ
![]() |
ภาพโปสเตอร์ "ภารกิจนายเทวดา Make A Wish the Series ภาคแรก" (Waga Creative) |
ยูโด: ผมมองว่าความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตอนนี้ คือ เทรนด์สื่อมันเริ่มเปลี่ยนแปลงจากเดิมละครที่เคยฉายทางช่องทีวีแบบปกติ มาสู่การนำเสนอบนสื่อโซเชียล และแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ความยากหนึ่ง คือ มีนักแสดงเยอะขึ้น ความยากที่สองคือ จำนวนงานลดน้อยลง สุดท้ายมันก็กลับมาถึงเรื่องคุณภาพ เรื่องความรักความน่าเอ็นดูของตัวนักแสดงก็มีส่วนช่วยให้เรามีงานมากขึ้น ความอ่อนน้อมถ่อมตนก็เป็นสิ่งสำคัญ ความสามารถก็สำคัญนะ มันหลายๆ อย่างรวมกัน หรือเรียกว่าการวางตัวก็ได้ และที่สำคัญ คือ การสนับสนุนจากแฟนคลับครับ นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและท้าทายครับ
inStyle Asia: หากเลือกเล่นเป็นตัวละครอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่มีตัวตนจริงๆ หรือตัวละครสมมติ คุณอยากเล่นเป็นใคร ทำไมถึงอยากเลือกเป็นตัวละครตัวนั้น
ฟลุ้ค: อยากเล่นเป็น "โนบิตะ" เพราะว่าอยากมี "โดราเอมอน" เป็นของตัวเองครับ ผมรู้สึกว่ามันน่าสนุกนะ ถ้านำอนิเมะแบบนี้มาทำเป็นละคร live action ที่ใช้คนจริงๆ แสดง และโดราเอมอนก็เป็นเรื่องที่ผมชอบ ไม่รู้สิ อยู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ตอบเลยว่าอยากลองเล่นเป็น "โนบิตะ" ครับ
ยูโด: ผมอยากเล่นเป็น "โจ๊กเกอร์" ครับ ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถด้านการแสดงมากๆ ทั้งด้านทักษะการแสดง ด้านความเข้าใจของผู้คนที่เป็น "ไซโคพาธ" (psychopaths บุคคลที่มีอาการของโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม) ซึ่งผมมองว่ามันเป็นขั้นสุดของการแสดงแล้ว รวมทั้งด้านดราม่าด้วย อะไรที่เกี่ยวกับคนที่มีอาการผิดปกติทางจิต อยากรู้ว่าเราจะไปถึงจุดๆ นั้นได้ไหม อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ว่าในชีวิตจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ (หัวเราะ)
inStyle Asia: การแสดงมีอิทธิพลต่อการเติบโตของคุณอย่างไร และมองว่าตัวเองค่อยๆ เปลี่ยนไปจากเดิมเพราะบทบาทที่คุณเล่นไหม
ฟลุ้ค: คิดว่าเปลี่ยนไปครับ การที่เราได้เล่นเป็นตัวละครคนอื่น ทำให้เราได้เห็นมุมมองอะไรหลายๆ อย่างที่เราอาจจะไม่เคยเห็นในชีวิตจริงของเราเลย บางตัวละครมันฉีกแนวออกไปอีกแบบหนึ่งเลย เช่น คนร้ายก็คือร้ายเกิน คนชั่วก็คือชั่วเกิน ซึ่งเราก็จะได้เห็นความต้องการของคนบางคน หรืออย่างที่ยูโดพูดถึงไซโคพาร์ธอะไรนั่น ทำให้เราได้เปลี่ยนมุมมองและเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เรียกได้ว่าทำให้เราเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษยมากขึ้นครับ
![]() |
ภาพบรรยากาศงานแฟนมีตติ้งของฟลุ้คกับยูโดที่ Daikanyama T-Site โตเกียว |
ยูโด: ฟลุ้คตอบไปหมดแล้ว คือ อย่างที่บอกล่ะครับว่าอาชีพนักแสดงมันค่อนข้างอิสระ เราสามารถเป็นใครก็ได้ ในอาชีพการแสดงของเรา เรื่องหนึ่งผมแสดงเป็นตำรวจ เรื่องหนึ่งผมแสดงเป็นหมอ เรื่องหนึ่งผมแสดงเป็นโจร เรื่องหนึ่งผมแสดงเป็นคุณพ่อติดยา เรื่องหนึ่งผมแสดงเป็นลูกติดยา มุมมองของคาแรคเตอร์แต่ละคนในแต่ละเรื่อง มันไม่เหมือนกันเลย เราสามารถรับรู้ความคิดหลายๆ อย่างของพวกเขา เราต้องเอาข้อดีของตัวละครแต่ละคน ในแต่ละอาชีพ มาทำให้ชีวิตแบบปกติของเราดีขึ้น อะไรที่มันไม่ดีก็อย่าทำ
![]() |
โปสเตอร์ "ทำนองในธารา" (Waga Creative) |
inStyle Asia: คุณรับมือกับแรงกดดันในชีวิตสาธารณะอย่างไร ในขณะที่ไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
ฟลุ้ค: เราต้องปรับมุมมองความคิดของตัวเองครับ ถามว่าจริงไหม ก็ตอบว่ามันก็มีส่วนจริงครับ แต่ต้องเข้าใจนะครับว่ามันเป็นอาชีพของเรา เพราะเราอาจเป็นไอดอลหรือเป็นต้นแบบให้กับใครหลายๆ คน ดังนั้นการวางตัวเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับอาชีพนี้ครับ
ยูโด: สำหรับผม การจัดการกับอารมณ์ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับอาชีพนี้ครับ ความกดดันตอนถ่ายทำละครหรือซีรีส์ก็เป็นแรงกดดันแบบหนึ่ง และยิ่งตอนนี้มีสื่อโซเชี่ยลต่างๆ ทำให้เรามีแรงกดดันมากขึ้นทั้งจากสภาพแวดล้อมโดยรอบอื่นๆ ที่มันสามารถถาโถมเข้าหาเรา บางทีเราต้องปล่อยผ่าน มองให้เป็นเรื่องตลก คือ ถ้าเรามองให้เป็นเรื่องตลก หรือปล่อยผ่านมันไปได้ เราก็จะไม่เก็บมาคิด สามารถอยู่ในโลกที่เป็น positive ได้ สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับคนอื่นได้
![]() |
ภาพโปสเตอร์ "ภารกิจนายเทวดา Make A Wish the Series ภาคแรก" (Waga Creative) |
inStyle Asia: คุณมีคำแนะนำอะไรให้นักแสดงชายรุ่นใหม่ที่อยากเข้าสู่วงการบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับตัวและความคิดสร้างสรรค์ในการแสดง
ยูโด: ผมมองว่าไม่เฉพาะนักแสดงชายหรืออาชีพนักแสดงเท่านั้นครับ ถ้าคุณอยากทำอะไร ต้องรักที่จะทำสิ่งนั้นก่อน ต้องมีความรู้สึกอยากทำ อยากเอาใจใส่กับมัน และอยากทำมันออกมาให้ดี แล้วสุดท้าย ผลที่ออกมา มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่เราพอใจ ถึงมันออกมาไม่ดี เราก็รู้สึกยินดีที่ได้ทำแล้ว ขอแนะนำให้ทำในสิ่งที่เรารักและอยากทำครับ
ฟลุ้ค: ของผม ก็คล้ายๆ กับของพี่ยูโด อยากให้ลองทำในสิ่งที่ชอบ ลองผิดลองถูก สั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เพราะประสบการณ์จะทำให้เราเติบโตขึ้น ทำให้เราเก่งขึ้น ไม่มีใครที่เขามาในวงการครั้งแรกแล้วเก่งเลย ทุกอย่างมันต้องเริ่มจากก้าวแรกเสมอ แล้วค่อยๆ เก็บสะสมประสบการณ์ไปก่อน (ยูโด: ต้องอดทน) เป็นกำลังใจให้กับใครที่มีความฝันอยากเป็นนักแสดง ผมรู้สึกว่าทุกคนมีความเป็นนักแสดงอยู่ในตัวอยู่แล้วครับ (ยูโด: ตื่นมาก็เป็นนักแสดงเลย/ ฟลุ้ค: ใช่ ใช่ ใช่เลย)
![]() |
ฟลุ้ค - ณธัช ศิริพงษ์ธร |
inStyle Asia: ช่วยบอก 3 สิ่งที่ชอบในญี่ปุ่น
ฟลุ้ค: อันดับ 1 คือ อาหารญี่ปุ่น มีอาหารหลายแนวที่เราชอบกิน ไม่ว่าจะเป็นราเมง, อาหารปิ้งย่าง ยากินิขุ หรือสุกี้ยากี้ที่เราชอบ อันที่ 2 คือ อากาศ (ยูโด: เดือนสิงหาเหรอ? ฟลุ้ค: เดือนสิงหาก็ได้อยู่ มันก็เป็นอีกแนวนึง) ชอบอากาศร้อนๆ หนาวๆ อุ่นๆ เย็นๆ เราชอบหมด และอันที่ 3 เราชอบผู้คนที่นี่ครับ รู้สึกว่าผู้คนที่นี่น่ารักมาก
![]() |
ยูโด - ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์ |
ยูโด: อย่างแรก ผมชอบผู้คนครับ คนญี่ปุ่นมีความน่ารัก มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น เป็นระเบียบเรียบร้อย รู้สึกปลอดภัย อย่างที่ 2 ผมชอบอาหารญี่ปุ่น ของน้องเขาชอบแนวปิ้งย่างชาบู (ฟลุ้ค: สุกี้ยากี้) ของผมชอบซูชิ ปลาดิบ (ฟลุ้ค: ซูชิก็ชอบนะ) เนื้อสเต็ก ยาคินิขุ เท็ปปันยากิ อาหารแนวนี้ และอย่างที่ 3 คือ สถานที่ครับ ผมชอบ vibe ของเมืองในญี่ปุ่น ผมรู้สึกว่ามันอบอุ่น มีความมินิมอล มีความน่ารัก ผมเดินไปตรงไหนก็มีความรู้สึกอยากถ่ายรูป อยากอยู่ตรงนั้นครับ
ก่อนบทสนทนาจะเริ่มขึ้น เราได้เก็บภาพสุดชิคจากลุ้คของพวกเขาทั้งสองคนทั้งสองแบบสองสไตล์ เริ่มจากชุดเดรสโทนสีฟ้าอ่อนที่ทั้งสองสวมใส่ในงาน Fan Meeting ตอนเช้านั้นเป็นผลงานการตัดเย็บจากแบรนด์ JUN (จุน) โดยดีไซเนอร์ชาวไทย จากจังหวัดเชียงใหม่ สัมผัสผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติ ด้วยไอเท็มไฮไลท์อย่างเสื้อเชิ้ตแขนสีน้ำเงินสวมทับกับเสื้อเบลเซอร์ไร้ปกคอเสื้อ (ตัวที่ฟลุ้คสวมใส่) ตัดเย็บด้วยเส้นด้ายรีไซเคิลจาก SC grand นำมาทอมือให้เป็นผ้าผืน
ส่วนเดรสลุ้คที่สอง โดดเด่นด้วยผ้าโทนสีชมพูอ่อนกับสีขาวสว่างจากแบรนด์ "ผ้าป้าติ๋ว" ของดีจากจังหวัดอุบลราชธานี ผลิตโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนตลาดน้ำริมโขงเขมราฐ ชุมชนมีการปลูกต้นฝ้ายเองตามธรรมชาติบริเวณริมฝั่งน้ำโขง เส้นใยได้มาจากการเข็นฝ้ายย้อมสีจากเปลือกต้นไม้ และแก่นฝางแดง ต้มให้ได้สีสวย แล้วนำมาทอให้เป็นผืนผ้าโดยกลุ่ม "ผู้สูงอายุ" ในชุมชน
ลวดลายบนผืนผ้านั้นเป็นงาน "อีโคปริ๊น" จากใบต้นสัก และใบต้นดอกปีบ นำมาวางลงบนผ้าทอมือสีขาวล้วน ใช้เทคนิคการ "นึ่งไฟ" ปานกลาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นปล่อยให้เย็น เสร็จแล้วจะได้ลายใบไม้บนผืนผ้าโดยที่ไม่ใช้สารเคมีใดๆ เลย นับว่าเป็นภูมิปัญญาของคนรุ่นใหม่ในการรังสรรค์เทคนิคการพิมพ์ลายจากธรรมชาติอย่างแท้จริง
Actor: ฟลุ้ค - ณธัช ศิริพงษ์ธร, ยูโด - ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์
Poster: Waga Creative